“หลายคนบอกว่า สินค้าของแอปเปิ้ลมีคุณภาพ มีประสิทธิภาพดีกว่าคู่แข่ง การออกแบบดีกว่าคู่แข่ง”
แต่ในทางการตลาดแล้ว เราเรียกว่า ความจงรักภักดีต่อแบรนด์ที่เปลี่ยนสู่คำว่า สมนาคุณ และคำว่า “สมนาคุณ” นี่เรารู้จักกันดีในชื่อว่า “ภาษีแอปเปิ้ล” หรืออาการที่คุณอยากจะจ่ายมากขึ้น ถ้ามันคือยี่ห้อ “แอปเปิ้ล”
ยกตัวอย่างคือ iMac รุ่น 27 นิ้ว 512 GB ราคา 74,900 บาท ซึ่งคุณสามารถซื้อ PC เกรดเล่นเกมประสิทธิภาพสูงได้เลย และแอปเปิ้ลยังทำลับๆ ล่อๆ ด้วยการที่ลูกค้าไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำด้วยตัวเอง ถ้าเกิดลูกค้าต้องการจะเพิ่มหน่วยความจำ ลูกค้าก็ต้องจ่ายภาษีแอปเปิ้ลเพิ่มในราคา 8,000 บาท ซึ่งนั้นมากกว่าราคาส่วนต่างของหน่วยความจำแบบ SSD ขนาด 512GB และ 1TB ถึง 4เท่า!! ยังไม่รวมถึงการที่แอปเปิ้ลลบพอร์ตที่จำเป็นสำหรับผู้ใช้ออกไป เปลี่ยนเป็นหากผู้ใช้ต้องการพอร์ตนั้นต้องจ่ายเงินซื้อ Dongle เพิ่ม
คำถามคือ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้คุณค่าที่จะเป็นของสมนาคุณให้แอปเปิ้ลหรือไม่?
แอปเปิ้ลชอบพูดถึงเรื่อง “นวัตกรรม” และแอปเปิ้ลก็ใส่ฟีเจอร์และนวัตกรรมจริง แต่นวัตกรรมที่มีในสินค้าของแอปเปิ้ลก็มีอยู่แล้วในผลิตภัณฑ์ของคู่แข่ง…
ยกตัวอย่าง เช่น โมดูลกล้องใน iPhone และ Smartphone ยี่ห้ออื่นนั้นล้วนมาจาก Sony คำถามคือทำไม iPhone ถึงแพงกว่า?
แอปเปิ้ลต้องการให้แบรนด์ของตนนั้นเป็น แบรนด์หรูหรา อย่าง Gucci หรือ Hermes ที่ลูกค้าพึ่งพอใจที่จะจ่ายมากขึ้นเพราะโลโก้คือยืนยันสถานะทางสังคม ซึ่งนั้นคือสิ่งที่แอปเปิ้ลยึดติดมาโดยตลอดคือ คำว่า “คุณค่า” แต่สิ่งที่แอปเปิ้ลลืมนึกไปอย่างสิ้นเชิงคือ “สินค้าไอทีไม่ใช่สินค้าแบรนด์หรูอย่างแท้จริง” เพราะมันมีวันเสื่อมค่า เช่น Rolex คุณสามารถเก็บไว้ตลอดชั่วชีวิตคุณตราบได้ที่มันยังหมุนอยู่ หรือกระเป๋า Hermes ที่คุณสามารถเก็บไว้ตลอดชั่วชีวิตคุณตราบได้ที่มันยังไม่ขึ้นราหรือเปลือย แต่เราไม่สามารถเก็บใช้ iPhone ได้ตลอดอายุของเรา ดังนั้นมันจึงไม่ใช่สินค้าแบรนด์หรูอย่างแท้จริง
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.